อาหาร 5 หมู่ คาร์โบไฮเดรต มีความสำคัญต่อร่างกายอย่างไร


 

อาหาร 5 หมู่ คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate) เป็นสารอาหารหลักชนิดหนึ่งซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของร่างกาย อาหารส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยคาร์โบไฮเดรตและสารอาหารหลักชนิดอื่น ๆ อย่างไขมันและโปรตีนในปริมาณที่แตกต่างกัน โดยคาร์โบไฮเดรตที่พบในอาหารแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ น้ำตาล แป้ง และเส้นใยอาหาร

น้ำตาล (Sugar) เป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดที่เรียบง่ายที่สุด ประกอบด้วยโมเลกุลของน้ำตาลเพียงโมเลกุลเดียว น้ำตาลแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่

  • น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว (Monosaccharide) ได้แก่ กลูโคส (glucose), ฟรุคโตส (fructose), กาแลคโตส (galactose)
  • น้ำตาลโมเลกุลคู่ (Disaccharide) ได้แก่ ซูโครส (sucrose), แลคโตส (lactose), มอลโตส (maltose)

แป้ง (Starch) เป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดที่ซับซ้อน ประกอบด้วยโมเลกุลของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่เชื่อมต่อกันเป็นจำนวนมาก แป้งพบได้ในธัญพืช พืชหัว และเมล็ดพืช

เส้นใยอาหาร (Fiber) เป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ เส้นใยอาหารพบได้ในพืชผัก ผลไม้ และธัญพืชไม่ขัดสี เส้นใยอาหารมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังบางชนิด และช่วยควบคุมน้ำหนัก

ประโยชน์ของคาร์โบไฮเดรต

คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของร่างกาย โดยคาร์โบไฮเดรต 1 กรัมให้พลังงาน 4 แคลอรี่ คาร์โบไฮเดรตมีความสำคัญต่อการทำงานของร่างกายดังต่อไปนี้

  • เป็นแหล่งพลังงานสำหรับเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกาย
  • เป็นแหล่งพลังงานสำหรับสมองและระบบประสาท
  • ช่วยในการเจริญเติบโตและซ่อมแซมเซลล์และเนื้อเยื่อ
  • ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่
  • ช่วยในการขับถ่าย

ปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ควรได้รับ

ปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ควรได้รับในแต่ละวันนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อายุ ระดับกิจกรรม และสุขภาพโดยรวม อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว ผู้ใหญ่ควรได้รับคาร์โบไฮเดรตประมาณ 45-65% ของพลังงานทั้งหมดที่ได้รับในแต่ละวัน

แหล่งอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต

แหล่งอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต ได้แก่

  • ธัญพืช เช่น ข้าว แป้ง ข้าวโพด ข้าวสาลี
  • พืชหัว เช่น มันฝรั่ง มันเทศ มันสำปะหลัง
  • ผลไม้
  • ผัก

การรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป

การรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เช่น เสี่ยงต่อโรคอ้วน โรคเบาหวานประเภท 2 และโรคหัวใจ อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่เหมาะสมนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

เครดิต : healthyfoodmax.com

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อาการคนท้อง กับก่อนมีประจำเดือนต่างกันอย่างไร

รูปภาพ
อาการคนท้อง คุณผู้หญิงหลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าอาการใกล้ที่จะมีประจำเดือน หรือว่ากำลังจะตั้งครรภ์ เพราะอาการคล้ายกัน จนบางครั้งรู้สึกสับสน บทความนี้มาไขข้อข้องใจสำหรับคำถามนี้ให้กับคุณสาว ๆ กันค่ะ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิง มักจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดท้อง อ่อนเพลีย เจ็บเต้านม หรือมีอารมณ์อ่อนไหวผิดปกติ ซึ่งอาการของคนท้องระยะแรก และอาการของผู้หญิงก่อนมีประจำเดือน ก็อาจเกิดอาการขึ้นได้ในลักษณะเดียวกัน แม้จะมีอาการบางอย่างคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีอาการหลายอย่างที่แตกต่างกันจนสามารถแยกได้ ซึ่งหากสังเกตให้ดีก็จะสามารถแยกแยะอาการของทั้ง 2 ภาวะนี้ได้ง่ายขึ้น อาการก่อนมีประจำเดือน เกิดขึ้นได้อย่างไร และมีอาการอย่างไร? อาการก่อนมีประจำเดือน หรืออาจเรียกสั้น ๆ ว่า PMS (Premenstrual Syndrome) เป็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เกิดจากภาวการณ์เปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ที่นำไปสู่การมีประจำเดือนตามกลไลของร่างกายในเพศหญิง ซึ่งระดับของฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง อาจทำให้เกิดอาการผิดปกติ ในช่วงก่อนหรือระหว่างประจำเดือนมา เช่น คัดเต้านม ปวดท้อง ปวดหลัง ท้องอืด รู้สึกเ...
อ่านเพิ่มเติม

พัฒนาการของเด็ก 1 ขวบ

รูปภาพ
  พัฒนาการของเด็ก 1 ขวบ เป็นช่วงวัยที่เด็กมีพัฒนาการอย่างรวดเร็วในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา เด็ก 1 ขวบจะเริ่มเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวมากขึ้น และเริ่มแยกแยะตัวเองออกจากพ่อแม่ พัฒนาการด้านร่างกาย เด็ก 1 ขวบจะมีน้ำหนักตัวประมาณ 10-12 กิโลกรัม และส่วนสูงประมาณ 75-80 เซนติเมตร เด็ก 1 ขวบจะสามารถเดินได้ด้วยตัวเอง ยืนทรงตัวได้นานขึ้น วิ่งได้ กระโดดได้ เด็ก 1 ขวบจะมีพัฒนาการด้านการมองเห็นดีขึ้น สามารถมองเห็นได้ไกลขึ้นและชัดเจนขึ้น เด็ก 1 ขวบจะมีพัฒนาการด้านการได้ยินดีขึ้น สามารถได้ยินเสียงได้ชัดเจนขึ้น เด็ก 1 ขวบจะมีพัฒนาการด้านการรับรู้รสสัมผัส ชอบรสชาติหวาน เปรี้ยว เค็ม และเผ็ด เด็ก 1 ขวบจะมีพัฒนาการด้านการรับรู้กลิ่น ชอบกลิ่นของอาหารและขนมต่างๆ พัฒนาการด้านอารมณ์ เด็ก 1 ขวบจะเริ่มมีอารมณ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น ความโกรธ ความกลัว ความเศร้า ความดีใจ เด็ก 1 ขวบจะเริ่มแสดงออกทางอารมณ์ได้หลากหลายมากขึ้น เช่น การยิ้ม การหัวเราะ การร้องไห้ การตี เด็ก 1 ขวบจะเริ่มเข้าใจอารมณ์ของผู้อื่นมากขึ้น พัฒนาการด้านสังคม เด็ก 1 ขวบจะเริ่มแยกแยะตัวเองออกจากพ่อแม่มากขึ้น เด็ก 1 ขวบจ...
อ่านเพิ่มเติม